วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สภาพแวดล้อมทางกายภาพของทวีปเอเชีย


ใบความรู้ที่  2
เรื่อง  สภาพแวดล้อมทางกายภาพของทวีปเอเชีย
ทวีปเอเชีย เป็นดินแดนที่อยู่ทางซีกโลกตะวันออกและได้ชื่อว่าเป็นทวีปที่มีสิ่งตรงกันข้ามและสิ่งที่เป็นที่สุดของโลกอยู่หลายๆ อย่าง เช่น เป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือมีเนื้อที่ประมาณ 44,648,953 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่สูงที่สุดในโลก คือ ยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งมีความสูงประมาณ 8,850 เมตรหรือ 29,028 ฟุต มีท้องทะเลที่ลึกที่สุดอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณมาเรียนาเทรนช์ โดยจุดที่ลึกคือ Challenger ในประเทศฟิลิปปินส์ ลึกประมาณ 11,033 เมตร มีอากาศหนาวเย็นที่สุด (ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา) อยู่ตอนเหนือของไซบีเรีย อากาศร้อนแห้งแล้งที่สุดที่ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีปริมาณฝนตกประจำปีมากที่สุดในโลก คือ มอสินราม (Mawoynraw) ประเทศอินเดีย และยังเป็นทวีปที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ลักษณะทางกายภาพ
ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเนื้อที่ประมาณ 44,391,162 ตารางกิโลเมตร (17,139,455 ตารางไมล์) หรือใหญ่กว่าทวีปอเมริกาเหนือ 1.8 เท่า ใหญ่กว่าทวีปยุโรป 4.5 เท่า และใหญ่กว่าทวีปออสเตรเลียซึ่งเป็นทวีปเล็กที่สุด 5.8 เท่า ทวีปเอเชียตั้งอยู่ทางซีกตะวันออกของโลก ดินแดนเกือบทั้งหมดอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ยกเว้นบางส่วนของหมู่เกาะในประเทศอินโดนีเซีย ระยะทางจากเหนือสุดคือแหลมเชลยูสกิน ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย จนถึงใต้สุดของทวีปคือ บริเวณเกาะโรติ ประเทศติมอร์-เลสเต มีความยาวประมาณ 6,500 กิโลเมตร และตะวันออกสุดคือแหลมเดชเนฟประเทศสหพันธรัฐรัสเซียถึงตะวันตกสุดคือ แหลมบามา ประเทศตุรกี ยาวประมาณ 9,600 กิโลเมตร ซึ่งแผ่นดินที่กว้างใหญ่ทำให้ภูมิอากาศของทวีปเอเชียมีความแตกต่างกันมาก ระหว่างส่วนที่อยู่ใกล้ทะเลกับส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในทวีป
ที่ตั้ง
ทวีปเอเชียตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 1 องศา 15 ลิปดาเหนือ ถึง 77 องศา 41 ลิปดาเหนือ และลองจิจูด 24 องศา 4 ลิปดาตะวันออกถึง 169 องศา 40 ลิปดาตะวันตก เอเชียเป็นทวีปที่อยู่ทางตะวันออกสุดเมื่อเทียบกับทุกทวีป จึงทำให้ประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียมีเวลาเร็วกว่าประเทศที่อยู่ในทวีปอื่นๆ ยกเว้นทวีปออสเตรเลีย พื้นที่เกือบทั้งหมดของทวีปเอเชียอยู่ในซีกโลกเหนือ จึงทำให้ฤดูกาลต่างๆ มีช่วงระยะเวลาตรงกับทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ แต่ตรงกันข้ามกับทวีปออสเตรเลีย


อาณาเขตติดต่อทวีปเอเชียมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติก ในทะเลคารา ทะเลแลปทิฟ ทะเลไซบีเรียตะวันออกและทะเลชุกช์ ส่วนที่เป็นแผ่นดินเหนือสุดอยู่ที่แหลมเชลยูสกิน ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย เกาะขนาดใหญ่ทางตอนเหนือ ได้แก่ เซเวียร์นายาเซมเลีย หมู่เกาะนิวไซบีเรีย และเกาะแรงเกล
ทิศใต้ติดต่อกับมหาสมุทรอินเดีย น่านน้ำตอนใต้ ได้แก่ อ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับ อ่าวเปอร์เซีย อ่าวโอมานและอ่าวเอเดน จุดใต้สุดแผ่นดินอยู่ที่แหลมปิไอ ประเทศมาเลเซีย โดยมีเกาะใหญ่ทางทิศใต้ของทวีปเอเชีย ได้แก่ เกาะลังกา เกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา และเกาะชวา
ทิศตะวันออกติดต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในเขตทะเลแบริง ทะเลโอค็อตสค์ ทะเลญี่ปุ่น ทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ โดยมีคาบสมุทรสำคัญ คือ คาบสมุทรคัมซัตคา คาบสมุทรเกาหลี และคาบสมุทรอินโดจีน เป็นส่วนของแผ่นดินใหญ่ด้านนี้ แผ่นดินที่อยู่ตะวันออกสุด คือปลายแหลมโดจนอวา ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย ที่ลองจิจูด 169 องศา 40 ลิปดาตะวันตก เกาะใหญ่ที่อยู่รายล้อมทางด้านตะวันออก ได้แก่ เกาะแซคาลิน หมู่เกาะของประเทศญี่ปุ่น เกาะไต้หวัน หมู่เกาะประเทศฟิลิปปินส์ และหมู่เกาะประเทศอินโดนีเซีย
ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลแดง คลองสุเอซ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลดำ เทือกเขา คอเคซัส ทะเลแคสเปียน และเทือกเขาอูราล บริเวณตะวันตกสุด คือ ที่แหลมบาบา ประเทศตุรกี ที่ลองจิจูด 26 องศา 4 ลิปดาตะวันออก โดยมีเกาะสำคัญ คือ เกาะใหญ่ ได้แก่ เกาะไซปรัส
โครงสร้างทางธรณีวิทยาของทวีปเอเชีย
ความกว้างใหญ่ไพศาลของทวีปเอเชีย ทำให้ผืนแผ่นดินของทวีปเอเชียมีลักษณะทางธรณีวิทยาทุกรูปแบบ กล่าวคือ มีโครงสร้างของเปลือกโลกสลับซับซ้อนเป็นภูเขาสูงชัน มีรอยทบตัว รอยหัก รอยเลื่อน และรอยคดโค้งที่เกิดจากการดันและอัดตัวของเปลือกโลกมากมาย นอกจากนี้ยังมีส่วนของแผ่นดินที่ยกตัวและทรุดต่ำ ทำให้เกิดที่ราบสูงและแอ่งแผ่นดิน บางส่วนเป็นที่ลาด และที่ราบระดับต่ำ กลายเป็นที่สะสมของตะกอนยุคใหม่ ทวีปเอเชียมีทั้งหินที่เก่าแก่ตั้งแต่ก่อนยุค แคมเบรียน ได้แก่ หินไนส์และหินชีสต์ในเขตหินเก่าแองการาในไซบีเรีย จนกระทั่งหินยุคใหม่ๆ ในยุคเทอร์เซียรีและควอเทอร์นารีซึ่งกำลังอัดตัวและสะสมตัวในปัจจุบัน
ลักษณะภูมิประเทศ
ทวีปเอเชียมีลักษณะภูมิประเทศแตกต่างกันมาก โดยในส่วนที่เป็นภาคพื้นทวีปแบ่งออกเป็นเขตต่างๆ ได้ 6 เขต ดังนี้
1. เขตที่ราบต่ำตอนเหนือ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำสำคัญ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบขนาดใหญ่ เช่น แม่น้ำอ็อบ แม่น้ำเยนีเซย์ และแม่น้ำลีนา ไหลผ่านบริเวณที่ราบที่มีอาณาเขตกว้างขวางเรียกว่า ที่ราบไซบีเรีย อยู่บริเวณตอนบนของทวีปในเขตประเทศรัสเซีย บริเวณนี้จะมีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นมากจนน้ำกลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว
2. เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ ได้แก่ ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำสายต่างๆ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบ เนื่องจากการพัดพาเอาดินตะกอนมาทับถมกันจนกลายเป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำ ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง เหมาะแก่การเพาะปลูก ส่วนใหญ่อยู่ทางเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ที่ราบลุ่มแม่น้ำหวางเหอ ที่ราบลุ่มแม่น้ำฉางเจียว ในประเทศจีน ที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา และที่ราบลุ่มแม่น้ำพรหมบุตร ในประเทศปากีสถาน อินเดีย และบังกลาเทศ ตามลำดับ ที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีส ในประเทศอิรัก ที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม ที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง ในประเทศเวียดนาม ที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในประเทศไทย ที่ราบลุ่มแม่น้ำสาละวินตอนล่าง ที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดี ในประเทศพม่า เป็นต้น บริเวณเขตนี้เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญของทวีปและมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมากที่สุด
3. เขตเทือกเขาสูงเป็นเขตเทือกเขาหินใหม่ตอนกลาง ประกอบไปด้วยที่ราบสูงและเทือกเขาจำนวนมาก เทือกเขาสูงที่สำคัญเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาที่แยกตัวไปจากจุดรวมที่เรียกว่า ชุมเขาปามีร์ (Pamir Knot) หรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ปามีร์ดุนยา แปลว่า หลังคาโลก มีความสูงประมาณ 3,500-4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากชุมเขาปามีร์มีเทือกเขาสูงของทวีปเอเชียหลายแนว ซึ่งอาจแยกออกได้ ดังนี้
3.1 เทือกเขาที่แยกไปทางทิศตะวันออก ได้แก่ เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาอาระกัน-โยมา และเทือกเขาที่มีแนวต่อเนื่องลงมาทางใต้ มีบางส่วนที่จมหายไปในทะเล และบางส่วนโผล่ขึ้นมาเป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ถัดจากเทือกเขาหิมาลัยขึ้นไปทางเหนือ มีเทือกเขาที่แยกไปทางตะวันออก ได้แก่ เทือกเขาคุนหลุน เทือกเขาอัลตินตัก เทือกเขานานชาน และแนวที่แยกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เทือกเขาเทียนชาน เทือกเขาอัลไต เทือกเขาคินแกน เทือกเขายาโบลโนวี เทือกเขาสตาโนวอย และเทือกเขาโกลีมา
3.2 เทือกเขาที่แยกไปทางทิศตะวันตก แยกเป็นแนวเหนือและแนวใต้ แนวเหนือ ได้แก่ เทือกเขาฮินดูกูช เทือกเขาเอลบูชร์ ส่วนแนวทิศใต้ ได้แก่ เทือกเขาสุไลมาน เทือกเขา ซากรอส ซึ่งเมื่อเทือกเขาทั้งสองนี้มาบรรจบกันที่อาร์เมเนียนนอตแล้ว ยังแยกออกอีกเป็น 2 แนวในเขตประเทศตุรกี คือ แนวเหนือเป็นเทือกเขาบอลติกและแนวใต้เป็นเทือกเขาเตารัส เป็นต้น
4. เขตที่ราบสูงตอนกลางทวีปเป็นที่ราบสูงที่อยู่ระหว่างเทือกเขาหินใหม่ เฉลี่ยความสูงมากกว่า 600 เมตร ที่ราบสูงเหล่านี้ยกตัวขึ้นมาในยุคต่างๆ กัน ที่ราบสูงที่สำคัญๆ ได้แก่ ที่ราบสูงทิเบตซึ่งเป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก อยู่สูงจากระดับทะเลประมาณ 4,800 เมตร (15,000 ฟุต) ที่ราบสูงหยุนหนาน ทางใต้ของประเทศจีน และที่ราบสูงที่มีลักษณะเป็นแอ่งแผ่นดินชื่อ ตากลามากัน (Takla Makan) ซึ่งอยู่ระหว่างเทือกเขาเทียนชานกับเทือกเขาคุนหลุน แต่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก มีอากาศแห้งแล้งและเป็นเขตทะเลทราย
5. เขตที่ราบสูงตอนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเขตที่ราบสูงหินเก่าที่อยู่ในบริเวณคาบสมุทร เป็นที่ราบสูงขนาดใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปเอเชีย มีความสูงไม่มากเท่ากับที่ราบสูงทางตอนกลางของทวีป ที่ราบสูงที่สำคัญ ได้แก่ ที่ราบสูงเดกกัน ในประเทศอินเดีย ที่ราบสูงอิหร่าน ในประเทศอิหร่านและอัฟกานิสถาน ที่ราบสูงอนาโตเลีย ในประเทศตุรกี และที่ราบสูงอาหรับ ในประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นทะเลทราย มีลักษณะอากาศแห้งแล้ง ลักษณะพื้นที่จะยกสูงทาง ตะวันตกแล้วค่อยๆ ลาดเทต่ำทางทิศตะวันออก
6. เขตหมู่เกาะภูเขาไฟ ตั้งอยู่ในเขตหินใหม่ บริเวณหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหมู่เกาะเหล่านี้เป็นที่ตั้งของภูเขาไฟทั้งที่ดับแล้วและยัง คุกรุ่นอยู่ซึ่งมีโอกาสที่จะปะทุขึ้นมาได้อีก เช่น ภูเขาไฟในประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ดินแดนดังกล่าวมักเกิดแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยๆ ดินบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก
ลักษณะภูมิอากาศ
เนื่องจากเอเชียเป็นทวีปที่กว้างใหญ่และมีลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกันมาก ดังนั้นจึงทำให้ทวีปเอเชียมีภูมิอากาศแตกต่างกันตามไปด้วย ทั้งนี้โดยมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปเอเชีย ได้แก่
1. ที่ตั้ง ทวีปเอเชียเป็นดินแดนที่มีขนาดกว้างใหญ่มาก ตั้งอยู่ระหว่างศูนย์สูตรจนถึงขั้วโลก โดยมีเส้นศูนย์สูตร เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ และเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลลากผ่าน ทำให้มีเขตอากาศต่างๆ ของโลกทุกชนิด กล่าวคือ บริเวณที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรเป็นเขตร้อน ส่วนที่อยู่ใกล้เส้นทรอ- ปิกออฟแคนเซอร์เป็นเขตอบอุ่น และเขตที่อยู่ใกล้เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลเป็นเขตหนาวเย็นแบบขั้วโลก
2. ความใกล้-ไกลทะเลทวีปเอเชียมีขนาดกว้างใหญ่มาก ดินแดนบางส่วนที่อยู่ติดชายทะเลจะได้รับอิทธิพลจากทะเล ทำให้อากาศระหว่างกลางวันกลางคืนและระหว่างฤดูกาลไม่แตกต่างกันมากนัก สำหรับดินแดนตอนกลางของทวีปที่อยู่ห่างไกลจากมหาสมุทร ที่อิทธิพลของพื้นน้ำไม่สามารถเข้าไปถึงภายในทวีปได้ โดยเฉพาะบริเวณตั้งแต่ตะวันตกเฉียงใต้จนถึงตอนกลางของทวีป จะมีพื้นที่แห้งแล้งเป็นบริเวณกว้างขวางและมีลักษณะอากาศรุนแรง คือ ฤดูร้อนมีอากาศร้อนจัดและฤดูหนาวมีอากาศหนาวจัด
3. ความสูงและความกว้างของภูเขาตอนกลางทวีปเนื่องจากตอนกลางของทวีปเอเชียมีเทือกเขาสูงและที่ราบสูงเป็นบริเวณกว้างขวาง จึงทำให้มีลักษณะภูมิประเทศที่ไม่สู้จะอำนวยประโยชน์มากนัก เพราะเทือกเขาสูงจะขวางกั้นลมทะเลที่จะพัดเข้าสู่ภายในทวีป ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคเหนือของทวีปไม่ได้รับอิทธิพลจากพื้นน้ำ จึงมีอากาศแห้งแล้ง ทำให้เกิดทะเลทราย การที่ทวีปเอเชียมีลักษณะภูมิประเทศสูงต่ำแตกต่างกันอย่างมาก ทำให้ลักษณะอากาศแตกต่างกันทั้งๆ ที่อยู่ในเขตละติจูดเดียวกัน เช่น ที่ราบที่เมืองเดลี อยู่ที่ละติจูด 28 องศาเหนือ ไม่เคยมีหิมะเลย แต่ที่ยอดเขาดัวลากีรีซึ่งสูง 8,172 เมตร และยอดเขาหิมาลัย ซึ่งอยู่ในละติจูดเดียวกันมีหิมะและน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี
4. ลมประจำที่พัดผ่าน ทวีปเอเชียมีลมประจำหลายชนิดพัดผ่านได้แก่
4.1 ลมประจำฤดูเช่น ลมมรสุม ซึ่งมีอิทธิพลต่อทวีปเอเชียมาก เกิดจากความแตกต่างของความกดอากาศเหนือพื้นทวีปทางซีกโลกเหนือและพื้นมหาสมุทรทางซีกโลกใต้ ในฤดูร้อนลมจะพัดจากมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งมีความกดอากาศสูงเข้าสู่บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำในทวีป ทำให้ฝนตกทั่วไปทางชายฝั่งภาคใต้และภาคตะวันออกของทวีปซึ่งเป็นด้านรับลม สำหรับในฤดูหนาวพื้นแผ่นดินมีความกดอากาศสูงกว่า ลมจะพัดจากทวีปไปสู่มหาสมุทรที่มีความกดอากาศต่ำจึงเป็นลมแห้งแล้ง ลมประจำที่พัดผ่านมี 2 ทิศทาง คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดระหว่างเดือน พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
4.2 พายุหมุนเขตร้อน พายุหมุนที่พัดในทวีปเอเชีย ที่สำคัญได้แก่ พายุไต้ฝุ่นที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก พายุไซโคลนที่ก่อตัวในมหาสมุทรอินเดีย เป็นลมพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคพื้นทวีป ทำให้มีฝนตกหนักและพายุรุนแรง ในบางครั้งได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สิน รวมทั้งชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก
5. กระแสน้ำบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นแถบศูนย์สูตร ซึ่งแยกขึ้นมาทางตอนเหนือกลายเป็นกระแสน้ำอุ่นคุโระชิโอ ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำเย็นเบริงหรือกระแสน้ำเย็นโอะยะชิโอะ กระแสน้ำทั้งสองนี้จะมาพบกันแถบชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่นบริเวณหมู่เกาะคูริล ทำให้มีปลาชุกชุมในย่านนี้ อิทธิพลของกระแสน้ำทั้งสองนี้ทำให้ชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นมีอากาศอบอุ่นกว่าชายฝั่งตะวันตก ส่วนกระแสน้ำในมหาสมุทรอินเดียจะไหลไปตามทิศทางของลมมรสุม

การแบ่งเขตภูมิอากาศของทวีปเอเชีย
ทวีปเอเชียมีภูมิอากาศที่แตกต่างกันอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว ถ้าจำแนกเขตอากาศตามแบบของเคิปเปิน (Köppen) ซึ่งใช้อุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน และลักษณะพืชพรรณ ธรรมชาติเป็นเกณฑ์ จะจำแนกได้ 10 เขต ดังนี้
1. ภูมิอากาศแบบร้อนชื้นหรือแบบป่าดิบชื้น (Af)อยู่ระหว่างเส้นละติจูดที่ 10 องศาเหนือ ถึง 10 องศาใต้ บริเวณนี้จะมีอุณหภูมิสูงตลอดปี ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่าง กลางวันและกลางคืนไม่มากนัก มีฝนตกชุก ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 2,500 มิลลิเมตรต่อปี จึงเป็นพื้นที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และมีประชากรหนาแน่น ได้แก่ บริเวณภาคใต้ของประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าดิบ มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ส่วนบริเวณปากแม่น้ำและชายฝั่งจะเป็นป่าชายเลน
2. ภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน (Am)หรือร้อนชื้นแถบมรสุม เป็นดินแดนที่อยู่เหนือเส้นละติจูด 10 องศาเหนือขึ้นไป มีฤดูแล้งและฤดูฝนสลับกันประมาณปีละ 6 เดือน เขตนี้เป็นเขตที่ได้รับอิทธิพลของลมมรสุม ปริมาณน้ำฝนจะสูงในบริเวณด้านรับลมและมีปริมาณฝนน้อยในเขตเงาฝน ได้แก่ บริเวณคาบสมุทรอินเดีย คาบสมุทรอินโดจีน และหมู่เกาะฟิลิปปินส์เกือบทั้งหมด พืชพรรณธรรมชาติในเขตนี้เป็นป่าไม้ผลัดใบ พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นใบไม้กว้างและเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีค่าในทางเศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก ไม้จัน ไม้ประดู่ เป็นต้น ทั้งนี้มีลักษณะเป็นป่าโปร่งมากกว่าป่าไม้ในเขต ร้อนชื้น ซึ่งบางแห่งอาจมีไม้ขนาดเล็กขึ้นปกคลุมบริเวณพื้นดินชั้นล่าง และบางแห่งมีป่าไผ่หรือหญ้าขึ้นปะปนอยู่ด้วย
3. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาหรือทุ่งหญ้าเมืองร้อน (Aw)มีลักษณะอากาศคล้ายกับแบบมรสุมเขตร้อน มีความแตกต่างระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาวอย่างชัดเจน มีฝนตกในฤดูร้อนและแห้งแล้งในฤดูหนาว ปริมาณฝนประมาณ 1,000 -1,500 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิกลางคืนเย็นกว่ากลางวัน ได้แก่ บริเวณตอนกลางของอินเดีย พม่า และคาบสมุทรอินโดจีน พืชพรรณธรรมชาติส่วนใหญ่เป็นป่าโปร่งแบบป่าเบญจพรรณ ลึกเข้าไปในทวีปจะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝนและเหี่ยวเฉาตายในฤดูหนาวเนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง
4. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น (Cfa)มีลักษณะคล้ายเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ลักษณะอากาศจะอบอุ่นในฤดูหนาว ร้อนในฤดูร้อน มีฝนตกตลอดปี ได้แก่ ภาคตะวันออกของจีน ภาคใต้ของญี่ปุ่น คาบสมุทรเกาหลี ฮ่องกง พืชพรรณธรรมชาติมีทั้งป่าไม้ผลัดใบซึ่งพบในประเทศจีนและเกาหลีทางใต้ และป่าไม้ผสมซึ่งพบทางเหนือที่มีอากาศหนาวกว่า พันธุ์ไม้สำคัญ ได้แก่ ต้นโอ๊ก เมเปิล และถ้าขึ้นไปทางด้านเหนือจะมีอากาศหนาว พืชพรรณธรรมชาติจะเป็นไม้สนที่มีใบเขียวตลอดปี
5. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นทวีป (Dwa, Dwb)เป็นเขตที่มีความแตกต่างมากระหว่างอุณหภูมิในฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งอากาศจะหนาวจัดในฤดูหนาว มีอุณหภูมิเฉลี่ยถึง -7 องศาเซลเซียส อากาศจะร้อนจัดในฤดูร้อนเนื่องจากเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืนปีละ 5-6 เดือน นอกจากนี้ในฤดูร้อนจะมีฝนตก ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 750-1,000 มิลลิเมตรต่อปี ได้แก่ บริเวณทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน เกาหลีเหนือ ภาคเหนือของญี่ปุ่น และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าผสมระหว่างป่าไม้ผลัดใบและป่าสน ลึกเข้าไปเป็นทุ่งหญ้า
6. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Cs)ในฤดูร้อนอุณหภูมิจะสูง อากาศร้อนและ แห้งแล้ง ฤดูหนาวจะมีฝนตก อากาศจะอบอุ่นชื้น เพราะได้รับอิทธิพลจากลมตะวันตกที่พัดผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้ามา ได้แก่ บริเวณชายฝั่งของประเทศตุรกี เลบานอน ซีเรีย อิสราเอล พืชพรรณธรรมชาติจะเป็นไม้ต้นเตี้ย ไม้พุ่มมีหนาม และพืชที่มีเปลือกหนา ได้แก่ ส้ม มะนาว และมะกอก
7. ภูมิอากาศแบบชื้นภาคพื้นทวีป (Dw)มีฤดูร้อนสั้น แต่ฤดูหนาวซึ่งมีมวลอากาศเย็นปกคลุมยาวนาน พิสัยของอุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาวมีมาก ในฤดูร้อนอบอุ่น มีฝนตก พบบริเวณตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน พืชพรรณธรรมชาติเป็นไม้จำพวกสน โอ๊ก และบูช
8. ภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตร้อน (BW)มีลักษณะแห้งแล้ง ท้องฟ้าโปร่ง แดดแรง อากาศร้อนตลอดปี ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยน้อยกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปี มีความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันกับกลางคืน กล่าวคือ ในตอนกลางวันอุณหภูมิจะสูง อากาศร้อนจัดและในตอนกลางคืนอุณหภูมิต่ำ อากาศจะหนาวเย็น เขตอากาศแบบนี้จะกระจายกันเป็นหย่อมๆ แต่ที่มีบริเวณกว้าง ได้แก่ ทะเลทรายอาหรับ ทะเลทรายธาร์ ทะเลทรายโกบี ที่ราบสูงทิเบต และที่ราบสูงอิหร่าน ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ภายในทวีปหรือบริเวณที่มีภูเขาปิดล้อม ทำให้อิทธิพลของมหาสมุทรเข้าไปไม่ถึง พืชพรรณธรรมชาติส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าสลับป่าโปร่ง เป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้งและต้องการน้ำน้อย ได้แก่ อินทผลัมและไม้ประเภทมีหนาม เช่น กระบองเพชร สำหรับในเขตทะเลทรายบริเวณที่มีน้ำและต้นไม้ขึ้นได้ เรียกว่า โอเอซิส
9. ภูมิอากาศแบบขั้วโลกหรือแบบทุนดรา (ET)เขตภูมิอากาศแบบทุนดราจะมีฤดูหนาวที่ยาวนานและอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง มีหิมะปกคลุมตลอดปี ไม่มีฤดูร้อน ได้แก่ ตอนเหนือสุดของทวีปเอเชียบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติก พืชพรรณธรรมชาติสามารถขึ้นได้บ้างในฤดูร้อน ได้แก่ ตะไคร่น้ำและมอส
10. ภูมิอากาศแบบที่สูง (H)เขตภูมิอากาศแบบพื้นที่สูง อุณหภูมิจะมีความแตกต่างกันตามระดับความสูง อุณหภูมิจะลดลงประมาณ 1 องศาเซสเซียสต่อความสูง 180 เมตร มีหิมะปกคลุมตลอดปี ได้แก่ ที่ราบสูงทิเบต เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาฮินดูกูช เทือกเขาคุนหลุน

ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของทวีปเอเชีย มีดังนี้
1. ทรัพยากรแร่ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรแร่หลายชนิด โดยเฉพาะแร่เศรษฐกิจ ซึ่งกระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ที่สำคัญ มีดังนี้
1.1 ถ่านหินทวีปเอเชียมีถ่านหินมากที่สุดในโลก คือ ประมาณ 3 ใน 5 ของปริมาณถ่านหินสำรองของโลก แหล่งสำคัญอยู่แถบลุ่มแม่น้ำหวางเหอในประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งถ่านหินที่สำคัญที่สุดของเอเชีย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของที่ราบสูงเดกกันในประเทศอินเดีย และในเขตไซบีเรียบริเวณลุ่มแม่น้ำคุซเนตสก์ ลุ่มแม่น้ำเยนีเซย์ ลุ่มแม่น้ำเลนา และในเกาะคิวชู ตอนใต้สุดของเกาะฮนชูและเกาะฮกไกโดในประเทศญี่ปุ่น
1.2 เหล็ก ทวีปเอเชียมีเหล็กอยู่ถึง 2 ใน 3 ของปริมาณเหล็กสำรองของโลก แหล่งสำคัญอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำฉางเจียงและแมนจูเรียในประเทศจีน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของที่ราบสูงเดกกันในประเทศอินเดีย
1.3 ดีบุก ทวีปเอเชียผลิตแร่ดีบุกได้มากที่สุดในโลก แหล่งสำคัญ ได้แก่ ในประเทศมาเลเซียซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตดีบุกที่สำคัญของโลก เกาะในอินโดนีเซีย ภาคใต้ของประเทศไทย และทางตอนใต้ของพม่า
1.4 ปิโตรเลียมได้แก่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ทวีปเอเชียเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญที่สุดในโลก คือ บริเวณอ่าวเปอร์เซียซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันใหญ่ที่สุดของเอเชีย ทะเลเหลือง ทะเลจีนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถบเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว
นอกจากนี้ทวีปเอเชียยังมีแร่อยู่อีกหลายชนิดที่มีปริมาณมาก เช่น ทังสเตน โครไมต์ แมงกานีส ปรอท สังกะสี ไมกา รัตนชาติ เป็นต้น
2. ทรัพยากรดิน ในทวีปเอเชียมีดินหลายประเภท ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรดินย่อมแตกต่างกันไปตามภูมิอากาศและภูมิประเทศ แบ่งออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
2.1 ทรัพยากรดินในเขตอากาศแบบทุนดราและไทกา ในเขตนี้มีอุณหภูมิต่ำตลอดปี การสลายตัวของหินและอินทรียวัตถุเป็นไปอย่างช้ามาก ดินจึงมีความอุดมสมบูรณ์น้อยไม่สามารถนำทรัพยากรดินมาใช้ในการเกษตรได้
2.2 ทรัพยากรดินในเขตอบอุ่นในเขตนี้มีปริมาณน้ำฝนปานกลาง ดินมีการซึมชะของธาตุอาหารในดินน้อย จึงมีความอุดมสมบูรณ์มาก เหมาะสำหรับการเพาะปลูก
2.3 ทรัพยากรดินในเขตแห้งแล้งและที่สูง ดินในเขตนี้เป็นดินที่ขาดความชื้น การระเหยของน้ำในดินมีอยู่มากดินไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ขาดอินทรียวัตถุ
2.4 ทรัพยากรดินในเขตร้อนชื้นส่วนใหญ่เป็นดินลูกรัง เนื่องจากมีฝนตกชุก น้ำฝนชะล้างแร่ธาตุซึมลงสู่ดินในระดับลึก จึงทำให้ดินไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก
2.5 ทรัพยากรดินในเขตร้อน เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์มีแร่ธาตุในดินมาก ได้แก่ ดินตะกอนในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำต่างๆ และดินภูเขาไฟในหมู่เกาะญี่ปุ่น หมู่เกาะอินโดนีเซีย และ หมู่เกาะฟิลิปปินส์ เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยเฉพาะการปลูกข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวเอเชีย
3. ทรัพยากรน้ำทวีปเอเชียมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขต ภูมิอากาศแบบมรสุมและเขตศูนย์สูตร ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลและเป็นภูมิประเทศด้านรับลม ซึ่งจะมีฝนตกชุกจึงเป็นบริเวณที่มีทรัพยากรน้ำอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ตอนกลางของทวีปที่มีภูเขาสูงจึงเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารที่สำคัญหลายสายในทวีปเอเชียที่ไหลออกในทุกทิศทุกทาง ส่วนพื้นที่ที่อยู่ลึกเข้าไปหรือด้านเงาฝนที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยจะเป็นเขตแห้งแล้ง และบางแห่งมีการสร้างเขื่อนที่มีแม่น้ำสายยาวไหลผ่าน สามารถนำทรัพยากรน้ำมาใช้ประโยชน์ได้
4. ทรัพยากรป่าไม้ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่มีป่าไม้มากที่สุดและมีหลายประเภท แหล่งป่าไม้ที่สำคัญมี 3 เขต ดังนี้
4.1 ป่าไม้ในเขตอากาศหนาวเย็น เป็นแหล่งไม้เนื้ออ่อนที่สำคัญที่สุดของทวีป เป็นเขตป่าสนที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก เรียกว่า ป่าไทกา
4.2 ป่าไม้ในเขตอบอุ่นเป็นป่าผลัดใบ ซึ่งเป็นป่าไม้ใบกว้างหรือป่าไม้เนื้อแข็งผสมป่าสน ได้แก่ ไม้เมเปิล ไม้โอ๊ก และไม้วอลนัต
4.3 ป่าไม้ในเขตร้อนส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ได้แก่ ไม้มะฮอกกานี ไม้มะเกลือ ไม้ยาง ส่วนในเขตร้อนที่มีฤดูแล้งยาวนาน ทรัพยากรส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ ซึ่งมีไม้สัก ไม้มะค่า ไม้แดง และไม้ประดู่ เป็นไม้เศรษฐกิจที่สำคัญ

5. ทรัพยากรสัตว์ ในทวีปเอเชียมีสัตว์หลายชนิดทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าไม้เขตร้อนและพื้นที่ป่าไม้เขตอบอุ่นจะมีสัตว์ป่าอยู่ชุกชุม ส่วนสัตว์น้ำมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรแหล่งน้ำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น